แชร์

“พีระพันธุ์” ลั่นแก้วิกฤตประเทศอย่างเด็ดขาด! ชู “อรรถวิชช์–นราพัฒน์” คุมเศรษฐกิจ–เกษตร

อัพเดทล่าสุด: 30 ธ.ค. 2025
0 ผู้เข้าชม
“พีระพันธุ์” ลั่นแก้วิกฤตประเทศอย่างเด็ดขาด! ชู “อรรถวิชช์–นราพัฒน์” คุมเศรษฐกิจ–เกษตร เผย ‘รวมไทยสร้างชาติ’ เตรียมร่างกฎหมายปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
.
วันที่ 25 ธันวาคม 2568 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวผ่านรายการ Dailynews Talk ทางช่อง Dailynews Online ถึงจุดเด่นของทีมบริหารที่ผสมผสานทั้งประสบการณ์ด้านพลังงาน เศรษฐกิจ และเกษตรกรรม ที่ใช้เป็นนโยบายหลักสำหรับสู้ศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง
.
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติชูแนวคิด "เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ" โดยเน้นการแก้ปัญหาที่เรื้อรังของชาติและปากท้องของประชาชนด้วยความเด็ดขาด ไม่เกรงใจกลุ่มผลประโยชน์ และมุ่งเน้นประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
.
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึง นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวพรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับ 2 ว่า เป็นคนหนุ่มไฟแรง มีความรู้รอบด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจและการเมือง ขณะที่นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นแคนดิเดตลำดับ 3 ก็มีความรู้และประสบการณ์ด้านเกษตรกรรมอย่างกว้างขวาง ทั้งในฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร
.
นายพีระพันธุ์ ระบุว่าปัญหาหลายอย่างของประเทศที่ไม่ได้รับการแก้ไขหรือแก้ไขไม่จบ เป็นเพราะขาดความเด็ดขาดและการลงมือทำอย่างจริงจัง โดยเฉพาะนโยบายการปราบปรามทุจริต สแกมเมอร์ และทุนเทา ซึ่งต้องใช้ยาแรงในการแก้ปัญหาเสมือนการผ่าตัดเนื้อร้ายในผู้ป่วยมะเร็ง โดยเสนอโทษประหารชีวิตสำหรับผู้ทุจริตโกงเงินชาติและสแกมเมอร์ ซึ่งขณะนี้พรรครวมไทยสร้างชาติกำลังดำเนินการร่างกฎหมายเฉพาะสำหรับสแกมเมอร์ที่ปัจจุบันยังไม่มีบทลงโทษที่ชัดเจน หากกฎหมายผ่านควรมีการบังคับโทษทันที ไม่ล่าช้า และควรดำเนินการให้ทหารจัดการทำลายฐานสแกมเมอร์อย่างเด็ดขาด ไม่ควรมีการเจรจาประนีประนอมใดๆ
.
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึง กรณีการถมทะเลบริเวณหลักเขตที่ 73 ที่มีการปล่อยปละละเลยปัญหานานกว่า 20 ปี ส่งผลต่อเส้นเขตแดนทางทะเลและแหล่งพลังงาน โดยยืนยันว่าหากพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องทำประชามติ เพราะการทำข้อตกลงที่กระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ โดยเฉพาะ MOU 44 ที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งปันทรัพยากรพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเป็นของไทยตามหลักสากล
.
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจและปากท้อง อย่างแรก คือ ลดราคาน้ำมัน โดยตั้งคำถามถึงการอิงราคาน้ำมันในประเทศกับสิงคโปร์ ทั้งที่ไทยผลิตเอง ซึ่งหากเป็นรัฐบาลจะเสนอกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมราคาน้ำมัน และตั้งเป้าให้ราคาต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร และอาจลดลงได้ถึง 25 บาท/ลิตร รวมถึงยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บเงินจากประชาชน เปลี่ยนเป็นการสำรองน้ำมันของประเทศแทนเพื่อลดภาระประชาชน และลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.3 บาท/หน่วย
.
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงการสร้างงานและการดูแลสังคม ซึ่งนโยบายพรรคไม่เน้นนโยบายประชานิยม "แจกเงิน" แต่เน้นการสร้างงาน จัดตั้งโครงการจ้างงานภาครัฐอย่างน้อย 300,000 ตำแหน่ง (ค่าแรงขั้นต่ำ 12,000 บาท/เดือน) เพื่อดูแลสังคม ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็กเล็ก และพัฒนาชุมชน ตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ถึงทางตัน โดยให้โอกาสใช้หนี้ด้วยการทำงานบริการสังคม แก้ไขปัญหากองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยแยกผู้กู้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มตั้งใจโกง ,กลุ่มไม่มีงานทำ และกลุ่มมีงานทำแต่มีภาระ
.
นายพีระพันธุ์ กล่าวถึง นโยบายลบประวัติเครดิตบูโร โดยเสนอให้ลบประวัติเสียในเครดิตบูโรเมื่อชำระหนี้หมดแล้ว เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อีกครั้ง และนำระบบคะแนนเครดิตแบบสากลมาใช้เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ย เสนอให้ออกกฎหมายเฉพาะสำหรับบัตรเครดิต ที่ในปัจจุบันใช้กฎหมายเทียบเคียง เพื่อควบคุมการคิดดอกเบี้ยให้เป็นธรรม โดยคิดจากยอดหนี้คงเหลือ ไม่ใช่จากยอดเต็มจำนวน
.
สำหรับนโยบายปฏิรูปการศึกษา นายพีระพันธุ์ กล่าวถึง นโยบาย "อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน" โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนในสิ่งที่ตนเองสนใจ เน้นการจบการศึกษาตามความสามารถ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อผลิตนักศึกษาให้ตรงกับความต้องการของตลาด ส่งเสริมอาชีวศึกษาให้ทัดเทียมกับการศึกษาสามัญเพื่อตอบสนองความต้องการของโลกเทคโนโลยีและนวัตกรรม กำหนดทิศทางประเทศที่ชัดเจน เพื่อวางแผนการผลิตบุคลากรในอนาคต
.
นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ กล่าวถึง นโยบายด้านการเกษตร ช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการผลิตปุ๋ยในประเทศเพื่อให้ชาวนาได้ใช้ปุ๋ยราคาถูก สนับสนุนการผลิตน้ำมันจากพลาสติกในชุมชน เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องจักรเกษตร ลดต้นทุนและจัดการขยะ ส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อลดค่าไฟฟ้า ลดบทบาทพ่อค้าคนกลางโดยส่งเสริมการขายตรงระหว่างเกษตรกรกับผู้บริโภคผ่านแอปพลิเคชัน จัดตั้ง "ศาลพิเศษเรื่องที่ดิน" เพื่อแก้ไขข้อพิพาทที่ดินระหว่างรัฐกับเอกชนอย่างเด็ดขาดและรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน
.
ผลิตโดย พรรครวมไทยสร้างชาติ 35/3 ซอยอารีย์ 5 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
จำนวน 1 ชุด ตามวันและเวลา ที่ปรากฏ

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ